คำตอบคือ “อาจจำเป็น” โดยเฉพาะในช่วงที่ร่างกายอ่อนแอจากการรักษา เช่น เคมีบำบัดหรือฉายแสง ซึ่งส่งผลให้ภูมิคุ้มกันลดลง เบื่ออาหาร พักฟื้นช้า หรือมีอาการข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ เหนื่อยล้า
“ทำไมต้องกินอาหารเสริม?”
แม้ผู้ป่วยจะได้รับสารอาหารจากมื้ออาหารปกติ แต่ร่างกายอาจดูดซึมได้น้อยลง หรือได้รับไม่เพียงพอในช่วงรักษา อาหารเสริมจึงเข้ามาช่วยในด้านต่างๆ เช่น:
เสริมภูมิคุ้มกัน ลดโอกาสติดเชื้อ
ฟื้นฟูเซลล์ ที่ถูกทำลายจากเคมีบำบัด
ลดอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร
ลดผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อักเสบ ผิวแห้ง
เพิ่มคุณภาพชีวิต ช่วยให้ผู้ป่วยมีแรง มีกำลังใจฟื้นตัว
“ควรกินอะไรบ้าง?”
อาหารเสริมที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง ควรเลือกสูตรที่ ปลอดภัย ไม่กระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และเน้นการฟื้นฟูร่างกาย เช่น:
เบต้ากลูแคน (Beta-glucan): กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ
วิตามินซี (Vitamin C): สร้างภูมิคุ้มกันและช่วยในการสร้างคอลลาเจน
วิตามินบีรวม (B-Complex): ลดอาการอ่อนเพลีย บำรุงระบบประสาท
เคอร์คูมิน (Curcumin): สารสกัดจากขมิ้น ต้านการอักเสบระดับเซลล์
เห็ดหลินจือ / ถั่งเช่า: ช่วยปรับสมดุลภูมิคุ้มกัน และบำรุงตับ
CoQ10 / เรสเวอราทรอล: ช่วยฟื้นฟูพลังงานในระดับเซลล์
โปรตีนจากพืชหรือเวย์โปรตีน: ทดแทนโปรตีนจากอาหารในวันที่กินได้น้อย
> คำแนะนำ: ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อให้เหมาะกับระยะของโรคและยาที่ใช้
วิธีปฏิบัติตัวระหว่างการกินอาหารเสริม
เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด ควรทำควบคู่กับพฤติกรรมที่ช่วยเสริมการฟื้นตัว:
1. รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย เน้นโปรตีนสูง เช่น ต้มจืด เต้าหู้ เนื้อปลานึ่ง
2. พักผ่อนให้เพียงพอ นอนอย่างน้อย 7–8 ชั่วโมง
3. หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป น้ำตาลสูง ของทอด ของมัน
4. ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ อย่างน้อย 1.5–2 ลิตรต่อวัน
5. ทำจิตใจให้แจ่มใส หลีกเลี่ยงความเครียด เพราะส่งผลต่อภูมิคุ้มกันโดยตรง
6. หมั่นพบแพทย์ตามนัด และแจ้งหากมีอาการผิดปกติ
7. ไม่หยุดยาหรือปรับยาด้วยตนเอง แม้จะกินอาหารเสริม